หลายคนเวลาไปหาคุณหมอผิวหนัง ด้วยผื่นแพ้ คัน แดงอักเสบ
คงเคยได้ยา อีเซอร่า ตัวนี้มา
มาดูกันสิค่ะว่า อีเซอร่า ตัวนี้ทำมาจากอะไร ใช้อย่างไรค่ะ
อีเซอร่า คือยาอะไร ?
อีเซอร่า เป็นยาทา เพื่อทดแทนสเตียรอยด์ค่ะ
แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับสเตียรอยด์ชนิดอ่อน
อีเซอร่า ทำมาจากอะไร ?

เป็นสารสกัดจากพืชค่ะ ส่วนประกอบหลักของ อีเซอร่า คือ
- Stimu-tex AS (Spent Grain Wax, Butyrospermum Parkii Extract and Argania Spinosa Kemel Oil) ตัวนี้เป็นสารสกัดจากพืช มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบของผิว ลดการคันระคายเคือง
- Saccharide Isomerate. ตัวนี้เป็นตาร์โบไฮเดรตสังเคราะห์ทำหน้าที่อุ้มน้ำให้ผิว ลดผิวแห้งให้ความชุ่มชื้น
อีเซอร่า ใช้ทำอะไร ?
ใช้ทาผื่นแพ้ผิวหนังในเด็ก

เพื่อลดการใช้สเตียรอยด์ แต่เนื่องจากมีฤทธิเทียบเท่ากับสเตียรอยด์ความเข้มข้นออ่น จึงได้ผลดีในเคสที่เป็นไม่มาก หรือใช้ร่วมกับการทาสเตียรอยด์เพื่อลดปริมาณและระยะเวลาการใช้ยาทาสเตียรอยด์
ใช้ทาให้ความชุ่มชื้นลดการอักเสบของผิว

บางครั้งที่หมอเจอคนไข้แพ้เครื่องสำอางค์มา
โดยส่วนตัวจะจ่าย อีเซอร์ร่า ให้ทาผิวเป็น moisturizer
เพราะ มีฤทธิ์ลดการอักเสบด้วย เพื่อลดการใช้ยาสเตียรอยด์ค่ะ
วิธีใช้ อีเซอร่า

ใช้ทาผื่นแดงคันหลังอาบน้ำเช้าเย็น หรือผิวแห้งจะทาบ่อยขึ้นเป็นสามถึงสี่ครั้งต่อวันก็ได้ค่ะ
การทายาให้ได้ผลดีควรทาหลังอาบน้ำหรือล้างหน้าทันที จะรักษาความชุ่มชื้นในผิวไว้ได้ด้วยค่ะ
ข้อดีที่แตกต่างของ อีเซอร่า

- ไม่มีน้ำหอม ไม่มี paraben ที่อาจทำให้เกิดการแพ้
- ยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้
- ลดการอักเสบของผิวโดยไม่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
- ใช้ได้กับเด็กเล็กต่ำกว่าสองปี
*******************************************************************************************************
สเตียรอยด์ คืออะไร และมีวิธีใช้อย่างไร
สเตียรอยด์ ถือเป็นยาสารพัดประโยชน์ ในการรักษาโรคผิวหนัง
มาดูกันสิว่า การใช้สเตียรอยด์อย่างถูกวิธี ควรทำอย่างไรค่ะ
วิธีใช้ สเตียรอยด์ อย่างถูกวิธี
ประโยชน์ของยาสเตียรอยด์ในโรคผิวหนัง
โรคผิวหนังหลายชนิดมีสาเหตุการเกิดมาจากการอักเสบของผิว
ด้วยความที่กลไกการออกฤทธิของยาสเตียรอยด์คือการต้านการอักเสบ ลดอาการคัน จึงมีการใช้อย่างกว้างขวาง
ตัวอย่างโรคที่รักษาด้วยยาสเตียรอย
ภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic dermatitis

สะเก็ดเงิน

ผื่นแพ้จากสาเหตุต่างๆ

ด่างขาว

เซบเดิม

ยาทาสเตียรอยด์ ใช้อย่างไร ?
ยาสเตียรอยด์อย่างไรก็ควรใช้ภายในการดูแลของแพทย์ค่ะ
เพราะสามารถเกิดผลข้างเคียงได้เช่น ผิวบาง สิวขึ้น
ทาหลังอาบน้ำบริเวณผื่นเช้าเย็นจนผื่่นหาย

ก่อนหลังทายาควรล้างมือให้สะอาด

สังเกตุการเปลี่ยนแปลงของผื่นตลอดการรักษา

ยาสเตียรอยด์แต่ละ ความเข้มข้น มีระยะเวลาในการใช้แตกต่างกัน เพื่อป้องกันผลข้างเคียงค่ะ
ยายิ่งเข้มข้นมากยิ่งไม่ควรใช้นาน
ควรใช้ยาที่อ่อนที่สุดที่พอรักษาอาการได้
หากไม่หายไม่ดีขึ้นก็ควรให้คุณหมอช่วยเช็คซ้ำแล้วค่ะ
โอกาสการแพ้ยาตัวนี้พบได้ไม่บ่อยแต่ก็สามารถเกิดได้ค่ะ
ตั้งครรภ์ทา สเตียรอยด์ ได้ไหม ?

ยา สเตียรอยด์ จัดอยู่ในกลุ่มยา Pregnancy Category C
คือไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์ว่าจะเกิดผลเสียอย่างไรค่ะ
จึงควรชั่งน้ำหนัก ระหว่างความจำเป็นที่ต้องใช้ยากับโอกาสเกิดผลข้างเคียง
ปรึกษาคุณหมอดีที่สุดค่ะ
เด็กใช้ได้ไหม ?

ข้อมูลความปลอดภัยของยาในเด็ก
หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ใต้การดูแลของแพทย์และเลือกใช้ยาทาสเตียรอยด์แบบเข้นข้นต่ำ ค่ะ
ระมัดระวังการทาบริเวณกว้าง
สเตียรอยด์ ถึงแม้จะเป็นยาทาแต่ก็สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต
กดการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายได้ค่ะ
จึงไม่ควรทาเป็นบริเวณกว้าง
และไม่ควรปิดทับบริเวณที่ทาด้วย plastic wrap หรือ plaster เพราะจะเพิ่มการดูดซึม
เว้นแต่เป็นภายใต้การดูแลของแพทย์
ความเข้มข้นของยาทาสเตียรอยที่ใช้บ่อยในบ้านเรา
ความแรงอ่อน
- 1-2% Hydrocortisone cream [H-cort] click เพื่ออ่านข้อมูลการใช้ยา H cort
- 0.5%Prednisolone [Prenisil cream ]
- ไม่ควรทาต่อเนื่องเกินสามเดือนเพื่อป้องกันผลข้างเคียง
ความแรงปานกลาง
- Betamethasone dipropionate 0.05% [Diprosone® Cream]
- Triamcinolone acetonide 0.1% [ Arisocort A® 0.1% , 0.1% TA cream ]
- Mometasone furoate 0.1% [Elomet]
- Betamethasone Valerate 0.1% [Betnovate]
- Prednicarbae 0.1% [Dermatop]
- ไม่ควรทาต่อเนื่องเกินสามเดือนเพื่อป้องกันผลข้างเคียง
ความแรงมาก
- Clobetasol propionate 0.05% [Dermovate® cream]
- Augmented betamethasone dipropionate 0.05% [ Diprotop® cream, ointment ]
- Betamethasone dipropionate 0.05% [ Diprosone® ointment ]
- Desoximetasone 0.25% [Topicort,Esterson]
- ไม่ควรทาต่อเนื่องเกินสามสัปดาห์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
เนื่องจากยาสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงหลายอย่างการใช้ยาจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
ยาทา สเตียรอยด์ มีผลข้างเคียง อย่างไร ?
ยาทาสเตียรอยด์ สามารถลดการอักเสบอาการคัน มีประโยชน์มากมายและกว้างขวาง
แต่ก็มีผลข้างเคียงด้วยเช่นกัน มาดูกันซิว่า สเตียรอยด์ ทำให้เกิด ผลข้างเคียงอย่างไรได้บ้างและใช้อย่างไรจึงจะปลอดภัยค่ะ
ยาทาเสตียรอยด์ ผลข้างเคียง
ผิวหนังบางลง

ยาทาเสตียรอยด์ ส่งผลให้การสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลง
ชั้นผิวหนังจึงบางลง
เห็นเส้นเลือดชัดและโตขึ้น
ผิวช้ำจากเส้นเลือดเหล่านี้แตกได้ง่าย
หลอดเลือดใต้ผิวหนังเปราะแตกง่าย

จึงเห็นเป็นรอยช้ำจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง
ขนยาว
พบได้ไม่บ่อยในผู้หญิงที่ทายาสเตียรอยด์ชนิดเข้มข้น
ไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัดนัก

บริเวณที่ทายา
ผื่นอักเสบรอบปาก

สิวจากเสียรอยด์

เหล่านี้คือผลข้างเคียงจากการใช้ สเตียรอยด์ทา เป็นเหตุผลที่ว่า
ทำไมเราจึงควรมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาทาสเตียรอยด์
ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพื่อป้องกันผลข้างเคียงเหล่านี้ค่ะ
ผิวติดเสตียรอยด์

สเตียรอยดฺเป็นยาที่ใช้ได้ผลดีในอาการตุ่มแดงผิวหนังอักเสบสิวบางประเภท
เมื่อผู้ใช้ๆ ยาจะรู้สึกพึงพอใจ แต่ก็เกิดอาการใหม่เมื่อหยุดยา ทำให้มักทายาเป็นเวลานานและใช้ยาเข้มข้นขึ้น
ส่งผลเสียต่อผิวตามมาในภายหลัง หรืออาการกลับมาใหม่เมื่อหยุดยา
เพิ่มโอกาสติดเชื้อ
เนื่องจากสเตียรอยด์ มีฤทธิในการกดภูมิคุ้มกัน
การทายาสเตียรอยด์ในบริเวณที่มีการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคที่เรียอยู่
จะทำให้เชื้อยิ่งลุกลามมากขึ้น
สีผิวขาวขึ้น

สีผิวขาวขึ้นเมื่อทายาเป็นผลข้างเคียงหนึ่งหลังทายาสเตียรอยด์
อาการนี้จะหายไปเองหลังหยุดทายา
ยาสเตียรอยด์ ชนิดรับประทาน
เนื่องจากสเตียรอยด์มีฤทธิในการลดการอักเสบ
ในโรคผิวหนังหลายโรคจึงมีการรับระทานยาสเตียรอยเพื่อการรักษา
เช่น สิว ผื่นแพ้สัมผัส ลมพิษ
การใช้สเตียรอยด์ในสามโรคที่พบบ่อยนี้เป็นการใช้ในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนมากไม่เกินหนึ่งสัปดาห์
จึงมักไม่พบผลข้างเคียง
แต่ในบางโรคเช่น โรคตุ่มน้ำพอง ที่เป็นโรคเรื้อรังใช้เวลารักษานาน
อาจเกิดผลข้างเคียงจากการรับประทานยาสเตียรอยด์ได้เช่น
กระดูกพรุน

ระดับไขมัน ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น

ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

อาการอ่อนเพลียจากการถอนสเตียรอยด์

สเตียรอยด์รบกวนระบบต่อมไร้ท่อ เมื่อได้รับสเตียรอยด์เป็นเวลานาน แล้วหยุดยาทันที
จะทำให้การผลิตฮอร์โมนของร่างกายปรับตัวไม่ทันเกิดอาการอ่อนเพลียจากการถอนสเตียรอยด์
ดังนั้นผู้ที่ใช้การรักษาด้วยสเตียรอยด์เป็นเวลานานกว่าสามสัปดาห์
ไม่ควรหยุดยาทันทีควรค่อยๆ ปรับขนาดยาลงให้ร่างกายได้ปรับตัว
Cushing syndrome

เป็นกลุ่มอาการจากการใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน
มีหน้ากลมเหมือนพระจัน
ขนดก ผิวแตกลาย
ไขมันสะสบบริเวณหลังและคอคล้ายหนอก
ลักษณะนี้พบทั้งในคนที่รับประทานยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาโรค
หรือคนที่รับประทานยาสเตียรอยด์โดยไม่รู้ตัวจากยาลูกกลอนผสมสเตียรอยด์
************************************************************
ที่มาของข้อมูลโดย http://www.skinanswer.org
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น